วันพุธที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2561

ผลกระทบภาวะโลกร้อน

ผลกระทบภาวะโลกร้อน
ผลกระทบของภาวะโลกร้อน

     ไม่มีใครรู้ว่าโลกร้อนมากเพียงใดที่จะ "ปลอดภัย" แต่ที่เรารู้ก็คือ ภาวะโลกร้อนกำลังก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้คนและระบบนิเวศ ความจริงที่เราเห็นได้ก็คือ ธารน้ำแข็งที่กำลังละลาย น้ำแข็งขั้วโลกสลาย ชั้นดินเยือกแข็ง (Permafrost) ที่อุ่นขึ้น ปะการังที่กำลังตาย ระดับน้ำทะเลที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น ระบบนิเวศที่กำลังเปลี่ยนแปลง และ คลื่นความร้อนที่ทำให้ถึงแก่ความตายได้ และไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์เท่านั้นที่กำลังเป็นประจักษ์พยานของความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ตั้งแต่ชนเผ่าอินูท์ในทวีปอาร์กติกทางตอนเหนือสุด จนถึงชาวเกาะใกล้เส้นศูนย์สูตร ผู้คนกำลังดิ้นรนเพราะผลกระทบจากภาวะโลกร้อนแต่ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น เรากำลังประสบกับภาวะโลกร้อนที่อันตรายแล้ว และเราต้องลงมือกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะโลกร้อนอันเป็นหายนะ ในขณะที่ยังไม่ทราบถึงผลกระทบทั้งหมดในระดับภูมิภาค ผลกระทบต่อไปนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นหากเรายังปล่อยให้สภาพในปัจจุบันดำเนินต่อไป

     ผลกระทบที่น่าจะเกิดขึ้น และผลกระทบในตอนเริ่มต้นจากอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นเล็กน้อยถึงปานกลาง
ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากธารน้ำแข็งที่กำลังละลาย และอุณหภูมิทั่วโลกที่กำลังสูงขึ้นจากการขยายตัวทางความร้อนของน้ำในมหาสมุทร
ก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมามหาศาลจากชั้นดินเยือกแข็ง และป่าที่กำลังตาย
มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิดสภาพอากาศรุนแรง เช่น คลื่นความร้อน ความแห้งแล้ง และ น้ำท่วม ในปัจจุบันความแห้งแล้งทั่วโลกได้เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าใน 30 ปีที่ผ่านมา 2 เท่า
ผลกระทบรุนแรงในระดับภูมิภาค ตัวอย่างเช่น ในยุโรป จะเกิดน้ำท่วมจากแม่น้ำเพิ่มขึ้นในพื้นที่ส่วนมากของทวีป และตามพื้นที่ชายฝั่งจะเสี่ยงต่อน้ำท่วม การกัดเซาะ และ การสูญเสียพื้นที่ในทะเลเพิ่มขึ้นอย่างมาก
     ระบบทางธรรมชาติ ซึ่งได้แก่ ธารน้ำแข็ง ปะการัง ป่าชายเลน ระบบนิเวศของทวีปอาร์กติก ระบบนิเวศของเทือกเขาสูง ป่าสนแถบหนาว ป่าเขตร้อน เขตลุ่มน้ำในทุ่งหญ้า และ เขตทุ่งหญ้าในท้องถิ่น จะถูกคุกคามอย่างรุนแรง
     สัตว์สายพันธุ์ต่างๆ เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้น และเกิดความสูญเสียด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
ผลกระทบที่รุนแรงกว่าจะตกอยู่กับประเทศยากจน ได้แก่ ประเทศที่กำลังพัฒนาของทวีปแอฟริกา เอเชีย และ มหาสมุทรแปซิฟิค ที่มีความสามารถน้อยที่สุดในการป้องกันตนเองจากระดับทะเลที่สูงขึ้น การแพร่กระจายของเชื้อโรค และ ผลผลิตภาคเกษตรที่ต่ำลง
ภาวะโลกร้อนทุกระดับจะทำให้ประเทศที่กำลังพัฒนาทุกข์ทรมานมากที่สุด
ผลกระทบร้ายแรงในระยะยาวหากโลกร้อนยังดำเนินต่อไป
พืดน้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์และทวีปแอนตาร์กติกากำลังละลาย หากไม่ควบคุม ความร้อนที่เกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอาจจุดชนวนให้เกิดการละลายของพืดน้ำแข็งทั้งหมดในเกาะกรีนแลนด์ในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 7 เมตรเป็นเวลาหลายทศวรรษ มีหลักฐานใหม่ที่แสดงว่าอัตราของการไหลลงต่ำของน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกาแสดงถึงภาวะเสี่ยงที่จะละลายทั้งหมด
     กระแสน้ำอุ่นในมหาสมุทรแอตแลนติกที่ไหลช้าลง เปลี่ยนทิศทาง หรือ หยุดไหล ซึ่งส่งผลกระทบอย่างสูงในยุโรป และทำให้ระบบการไหลเวียนของมหาสมุทรผิดปกติ
หายนะจากการปล่อยก๊าซมีเทนอย่างมหาศาลจากมหาสมุทร ซึ่งทำให้ก๊าซมีเทนในบรรยากาศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และส่งผลให้โลกร้อนขึ้น
มนุษยชาติไม่เคยถูกกดดันให้ยื้อยุดกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่หนักหน่วงเช่นนี้มาก่อน ถ้าเราไม่ลงมือทำอย่างเร่งด่วนและทันทีเพื่อหยุดภาวะโลกร้อน อาจทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถย้อนกลับคืนได้
เอกสารอ้างอิง http://www.greenpeace.org/seasia/th/campaigns/climate-and-energy/impacts/
 ด.ญ.ดรัลพร หนูนวล เลขที่ 37 ป. 6/8

Strawberry Shortcake

Strawberry Shortcake

วันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ตำนานเทพจักรราศี

Legend of the Zodiac

ราศีมังกร(Capricorn)

          มีตำนานว่า มีแพะเพศเมียตัวหนึ่งชื่ออมัลเทีย ผู้ให้การเลี้ยงดูเทพซุส ยามที่เขาเป็นทารกอยู่ เมื่อแพะตัวนี้ตายลง ซุสจึงให้เกียรตินำร่างของแพะตัวนั้นประดับเป็นหมู่ดาวบนฟากฟ้า
ราศีกุมภ์(Aquarius)

          มีตำนานเล่าว่า กานิมิด บุตรของโทรสกษัตริย์กรุงทรอย ที่กำลังต้อนฝูงสัตว์อยู่ ซุสเกิดมาเห็นและหลงเสน่ของเขาจึงแปลงร่างเป็นนกยักษ์ลักพาตัวกานิมีดไป เขาจึงเป็นผู้แบกคนโทให้เหล่าเทพ และกลายเป็นกลุ่มดาวหลังเสียชีวิต
ราศีมีน(Pisces)

          มีตำนานเล่าว่า เทพีอโฟรไดท์และอีรอสได้แปลงกายเป็นปลาเพื่อหนีอสูรไทฟูน โดยระหว่างหนีนั้นทั้งคู่ได้เอาหางผูกกันไว้ เพื่อไม่แน่ใจว่าไม่หลงทาง และเพื่อเป็นการระลึกถึงในเหตุการณ์นี้ทำให้ปลาคู่เป็นกลุ่มดาวประดับฟากฟ้า
ราศีเมษ(Aries)

          มีลักษณะเป็นเเกะตำนานกรีกเล่าว่า เทพซุสส่งเเกะขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อช่วยฟริกซัสเเละเฮลล์ ให้รอดพ้นจากการทารุณกรรมของเเม่เลี้ยงต่อมาได้นำเเกะไปบูชยัญเเละขนเเกะก็ ได้กลายเป็นขนเเกะทองคำ กัปตันเจสันเเละลูกเรือได้เเล่นเรืออาร์โกน็อต เพื่อค้นหาเเละได้พบกับขนเเกะทองคำในที่สุด
ราศีพฤษภ(Taurus)

          ชาวกรีกเล่าว่าที่ประเทศเฟนิเซียมีสาวงามชื่อยูโรปา ลูกสาวของอินาคัส เทพซุสได้หลงรัก เเต่อินาคัสไม่ยอมเเน่ จึงเเปลงร่างเป็นวัวสีขาวหลอกให้ยูโรปาขึ้นขี่ซุสจึงคิดพาเธอไปดินเเดนนี้ โดยทางทะเล เเต่ก็ไปไม่พ้นเพราะน้ำลึกด้วยเหตุนี้กลุ่มดาววัวบนฟ้าจึงเห็นเเค่เพียงหน้า เเละโหนกของวัวเท่านั้น
ราศีเมถุน(Gemini)

          ตำนานกรีกเล่าว่า คาสเตอร์เเละพอลลัก ลูกชายฝาเเฝดของซุส ทั้งคู่มีพรสวรรค์คนละอย่าง คาสเตอร์เป็นนักชกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พอลลักเป็นผู้นำปราบพยศม้าป่า ความสามารถทั้งสองเคยออกศึกสงครามร่วมกันหลายครั้งเมื่อทั้งคู่สิ้นชีพจึง ส่งวิญญาณทั้งคู่ไปเป็นกลุ่มดาวเจมินี่บนท้องฟ้า
ราศีกรกฎ(Cancer)

          ตำนานกรีกเล่าว่าปูตัวนี้เป็นสมุนลับๆของฮีรามเหสีของซุส เเละเป็นศัตรูของเฮอคิวลิส ฮีราได้สั่งปูไปทำร้ายเฮอคิวลิส ขณะที่เฮอคิวลิสสู้กับงูไฮดรา เเต่ก็ต้องพ่ายเเพ้ให้กับเฮอคิวลิส ฮีราจึงจึงนำไปไว้ในสวรรค์เป็นกลุ่มดาวปู
ราศีสิงห์(Leo)

          มีตำนานเล่าว่า ราชสีห์เนเมีย อสูรร้ายเเละทรงพลัง ได้ร่อนเร่อยู่ตามเทือกเขาเเละสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนในละเเวกนั้นจน เฮอคิวลิสได้มาปลิดชีพลง เเละให้มันเป็นกลุ่มดาวบนฟ้า
ราศีกันย์(Virgo)

          สาวพรหมจรรค์ที่เป็นเครื่องหมายแห่งความสะอาดบริสุทธิ์และการรับใช้ เธอคือเทพีแห่งความยุติธรรม แอสเตรียผู้เป็นธิดาของซุสและเทมิส แอสเตรียถือพรหมจรรค์และปกครองโลกมนุษย์ด้วยความยุติธรรมเสมกระทั่งมนุษย์มี ความชั่วร้ายมากเกินไปเธอจึงละทิ้งโลก ขึ้นไปบนท้องฟ้าเป็นกลุ่มดาวเวอโก้แทน
ราศีตุล(Libra)

          ตาชั่งเป็นเครื่องหมายแห่งความยุติธรรม ตาชั่งราศีนี้เป็นของเทพีแห่งความยุติธรรมแอสเตรียนั่นเอง นี่คือสาเหตุที่กลุ่มดาวเวอโก้และกลุ่มดาวไลบร้าอยู่ไกล้เคียงกัน ตาชั่งนี้ภายหลังถูกประทับบนฟากฟ้า
 ราศีพิจิก(scorpion)

          มีสัญลักษณ์เป็นแมงป่อง หมายถึงความรุนแรงและการใช้อำนาจแมงป่องที่ว่ามาจากแมงป่องยักษ์นามว่าสกอปิ อุสผู้มาสังหารนายพรานออเรียนและได้ตายตกตามไปทั้งคู่ เทพี อาทิมิสมาเจอเข้าจึงนำทั้งสองขึ้นไปบนท้องฟ้าโดย ออเรียนคือกลุ่มดาวนายพราน และสกอปิอุสเป็นกลุ่มดาวราศีพิจิกนั่นเอง
ราศีธนู(sagitarius)

          มีสัญลักษณ์เป็นเซนทอร์ยิงธนู เป็นเครื่องหมายแห่งการเดินทาง มีตำนานเล่าว่ามีเซนทอร์ผู้หนึ่งชื่อ ไครอนผู้เรืองปัญญาและเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมเขาได้ถ่ายทอดความรู้ต่างๆให้ วีรบุรุษตำนานกรีหลายคน หลังสิ้นชีวิตลง ไครอนได้กลายเป็นกลุ่มดาวบนฟ้าจากผลความดีของเขา
เอกสารอ้างอิง https://www.youtube.com/watch?v=UmJK7THnd2A
ด.ญ.ดรัลพร     หนูนวล ป.6/8 เลขที่ 37

Christmas day

Christmas

          คำว่า "คริสต์มาส" เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" ซึ่งพบครั้งแรกในเอกสารโบราณที่เป็นภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 1038 และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas

          เทศกาล Christmas หรือ X’Mas ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งวันที่ 25 ธันวาคมนั้นเป็นวันประสูติของพระเยซู ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ โดยพระองค์ประสูติที่เมืองเบธเลเฮมและเติบโตที่เมืองนาซาเรท ซึ่งปัจจุบันคือประเทศอิสราเอล ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซาร์ ออกุสตุส แห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งอาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่าพระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร

          ด้านนักประวัติศาสตร์ก็มีความเห็นที่ต่างออกไปโดยได้วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมัน กำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูซึ่งเปรียบเสมือนความสว่างของโลก และเหมือนดวงจันทร์เป็นความสว่างในตอนกลางคืนแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 64-313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปี ค.ศ. 330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย

          เทศกาลคริสต์มาสจึงเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู และเป็นการฉลองความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์โลก โดยส่งบุตรชาย คือ "พระเยซู" ลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยไถ่บาป และช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากการทำชั่วนั่นเอง ดังนั้นในวันนี้ถือเป็นวันที่มีความหมายสำคัญต่อชาวคริสต์ทั่วโลก และมีการส่งบัตรอวยพร ให้ของขวัญ แก่กันและกัน รวมทั้งประดับประดาตกแต่งบ้านเรือนด้วยแสงไฟ และต้นคริสต์มาสอย่างสวยงาม
เอกสารอ้างอิง https://hilight.kapook.com/view/18771/25
ด.ญ.ดรัลพร    หนูนวล ป.6/8 เลขที่ 37

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

วันรัฐธรรมนูญ

วันรัฐธรรมนูญ


ประวัติความเป็นมา

          การเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์การปกครองของชาติไทย เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทั้งหมด 20 ฉบับ
          รัฐธรรมนูญ ฉบับแรกของไทย มีชื่อว่า "พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475" จากนั้น ราชอาณาจักรไทย ก็ได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญมาตามลำดับ ดังนี้ 
          1. พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 (27 มิถุยายน - 10 ธันวาคม 2475) 

          
2. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม (ไทย) พุทธศักราช 2475 (10 ธันวาคม 2475 - 9 พฤษภาคม 2489) ถูกยกเลิกเพราะล้าสมัย
   
          
3. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 (9 พฤษภาคม 2489 - 8 พฤศจิกายน 2490) ถูกยกเลิกโดยคณะรัฐประหาร
    
          
4. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 รัฐธรรมนูญตุ่มแดง หรือ รัฐธรรมนูญใต้ตุ่ม (9 พฤศจิกายน 2490 - 23 มีนาคม 2492)
    
          
5. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 (23 มีนาคม 2492 - 29 พฤศจิกายน 2494) ถูกยกเลิกโดยคณะรัฐประหาร

          
6. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495 (8 มีนาคม 2495 - 20 ตุลาคม 2501) ถูกยกเลิกโดยคณะปฏิวัติ
  
          
7. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2502 (28 มกราคม 2502 - 20 มิถุนายน 2511)
 
          
8. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 (20 มิถุนายน 2511 - 17 พฤศจิกายน 2514) ถูกยกเลิกโดยคณะปฏิวัติ

          
9. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515 (25 ธันวาคม 2515 - 7 ตุลาคม 2517)
   
          
10. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 (7 ตุลาคม 2517 - 6 ตุลาคม 2519) ถูกยกเลิกโดยคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน

          
11. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519 (22 ตุลาคม 2519 - 20 ตุลาคม 2520)
    
          
12. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2520 (9 พฤศจิกายน 2520 - 22 ธันวาคม 2521)
   
          
13. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 (22 ธันวาคม 2521 - 23 กุมภาพันธ์ 2534) ถูกยกเลิกโดยคณะ รสช.
   
          
14. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2534 (1 มีนาคม - 9 ตุลาคม 2534)
   
          
15. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 (9 ธันวาคม 2534 - 11 ตุลาคม 2540) ถูกยกเลิกหลังตรารัฐธรรมนูญฉบับประชาชน
    
          
16. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ฉบับประชาชน (11 ตุลาคม 2540 - 19 กันยายน 2549) ถูกยกเลิกโดยคณะ คปค.
   
          
17. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 (1 ตุลาคม 2549 - 24 สิงหาคม 2550)
    
          
18. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 (24 สิงหาคม 2550 - 22 กรกฎาคม 2557)
          19. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 (22 กรกฎาคม 2557-6 เมษายน 2560)
           20. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 (ุ6 เมษายน 2560-ปัจจุบัน)

ด.ญ.ดรัลพร    หนูนวล ป.6/8 เลขที่ 37

วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ผลกระทบภาวะโลกร้อน

ผลกระทบภาวะโลกร้อน ผลกระทบของภาวะโลกร้อน      ไม่มีใครรู้ว่าโลกร้อนมากเพียงใดที่จะ "ปลอดภัย" แต่ที่เรารู้ก็คือ ภาวะโลกร้อ...